10 ข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพความงามสมบูรณ์แบบ

ฟิลเลอร์คาง

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าองค์ประกอบตามส่วนต่างๆ บนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นคิ้ว ดวงตา จมูก และปาก ตลอดจนใบหน้าที่เรียวสวยได้รูปเหมือนไข่ ล้วนเป็นเสน่ห์ความงามของผู้หญิงยุคใหม่ที่ใครต่างก็ปรารถนาด้วยกันทั้งสิ้น และการฉีดฟิลเลอร์คาง ในปัจจุบันก็ได้รับความนิยมไม่แพ้การฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตา ร่องแก้ม ขมับและปากแต่อย่างใด

เพราะการเสริมคางให้มีรูปทรงที่สวยสมบูรณ์ ย่อมทำให้ใบหน้าของสาวๆ มีความโดดเด่นมากขึ้น และเพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของการฉีดฟิลเลอร์คาง วันนี้เราจึงมี 10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์คางมาฝาก มีข้อมูลอะไรที่สาวๆ ควรรู้ก่อนและหลังฉีดกันบ้าง ตามไปดูกันเลย

1.ฉีดฟิลเลอร์คาง ดีอย่างไร

การฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid เข้าสู่ชั้นผิวบริเวณคาง เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวสวย บวกกับมีคางที่ยาวขึ้น เหมาะสำหรับหนุ่มๆ สาวๆ ที่มีปัญหาคางสั้น และทู่ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ดังกล่าวจะทำให้รูปทรงใบหน้าโดยรวมสวยสมดุลเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องศัลยกรรม แถมยังไม่ต้องพักฟื้นนาน เพราะหลังจากฉีดเสร็จแล้วก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : กรดไฮยาลูรอนิค ( Hyaluronic Acid ) คืออะไร ดีต่อผิวหน้าอย่างไรบ้าง

2.ฉีดฟิลเลอร์คาง เห็นผลทันทีหรือไม่ และอยู่ได้นานแค่ไหน

การฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นการปรับรูปหน้า และรูปคางฉบับเร่งด่วน ฉีดแล้วจะเห็นผลทันที และจะเห็นผลชัดเจนใน 1-2 สัปดาห์หลังจากการฉีด ซึ่งหลังจากฉีดแล้ว สารฟิลเลอร์จะมีอายุอยู่ประมาณราวๆ 12-18 เดือน จากนั้นจะสลายไปตามธรรมชาติ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหน้าของแต่ละคนด้วย

3.ฉีดฟิลเลอร์คาง ข้อควรระวังมีอะไรบ้าง

ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์คางคือ การรักษาด้วยวิธีดังกล่าวไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคางสั้นมาก เพราะสารฟิลเลอร์ที่ฉีดไปนั้นจะทำให้คางยาวได้ไม่เกิน 1 เซ็นมิเมตร หากยาวมากกว่านี้ก็อาจจะทำให้เกิดภาวะคางผิดรูป หรือยาวแหลมจนดูไม่เป็นธรรมชาติได้ และมีโอกาสที่สารฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปนั้นจะไหลย้อยเมื่อเวลาผ่านไป

4.ฉีดฟิลเลอร์คาง ใช้เวลานานแค่ไหน

โดยทั่วไปแล้ว แพทย์จะใช้เวลาในการฉีดฟิลเลอร์คางประมาณ 10-30 นาที ซึ่งคุณอาจจะรู้สึกเจ็บนิดๆ ขณะทำการฉีด หลังจากฉีดเสร็จแล้ว ควรนอกพักสักครู่เพื่อให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปเกิดการเซ็ทตัว หลังจากนั้นคุณจะเห็นผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงทันที โดยสามารถกลับบ้านได้โดยไม่ต้องพักฟื้น ที่สำคัญสาวๆ ยังสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติอีกด้วย

5.ฉีดฟิลเลอร์คาง มีอาการบวมหลังฉีดหรือไม่

อาการบวมหลังจากการฉีด เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ในทุกกรณี โดยอาการบวมนั้นจะหายไปเองภายใน 3-7 วัน และผู้ที่มีรอยช้ำต่างๆ จากการฉีด อาการเหล่านี้ก็จะค่อยๆ จางหายไปด้วยเช่นกันในช่วงระยะเวลาดังกล่าว

6.ฉีดฟิลเลอร์คาง อันตรายไหม

การฉีดฟิลเลอร์คาง มีอันตราย หากไม่อยู่ในความดูแลของแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ เนื่องจากบริเวณคางนั้นมีเส้นเลือดสำคัญเป็นจำนวนมาก หากฉีดผิดจุดก็อาจจะเสี่ยงโดนเส้นเลือด จนทำให้รูปทรงของคางออกมาผิดรูปได้

7.ฉีดฟิลเลอร์คาง ต่างจากการผ่าตัดเสริมคางอย่างไร

การฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นการฉีดสารเติมเต็มเพื่อปรับรูปคางแบบไม่ถาวร เพราะสารที่ฉีดเข้าไปจะสลายไปตามธรรมชาติหลังจากฉีดราวๆ 1-2 ปี แต่การผ่าตัดเสริมคาง จะอยู่ได้ถาวร แต่ก็อาจจะเสี่ยงกับผลข้างเคียงต่างๆ ตามมาได้ และยังต้องใช้เวลาพักฟื้นพอสมควร

8.ฉีดฟิลเลอร์คาง ยี่ห้อไหนดีที่สุด

ฟิลเลอร์ที่นิยมนำมาฉีดคาง คือ Perfectha Subskin ที่สามารถสลายหมดได้ 100% ใน 1 ปี โดยมีราคาเริ่มต้น CC ละ 9,900 บาท ซึ่งถือเป็นฟิลเลอร์ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการฉีดคาง

9.ฉีดฟิลเลอร์คาง ใช้กี่ CC

ปริมาณ CC ที่นำมาใช้ไม่มีกำหนดตายตัวทุกเคสเหมือนกันเสมอไป เพราะคางของแต่ละคน มีเนื้อคางปริมาณไม่เท่ากัน ดังนั้น จำเป็นต้องได้รับการวิเคราะห์ และประเมินจากแพทย์ที่ทำการฉีดทุกครั้ง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วแพทย์จะใช้อยู่ที่ประมาณ 1 CC

10.ฉีดฟิลเลอร์คาง หลังฉีดควรดูแลตัวเองอย่างไร

หลังจากฉีดฟิลเลอร์คาง 2 วัน ไม่ควรออกกำลังกายหนักๆ หรืออยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิร้อนจัด และควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้เกิดการเติมเต็มภายในชั้นผิวมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ฟิลเลอร์สามารถคงสภาพอยู่ได้นาน

หากสาวๆ กำลังสนใจที่จะฉีดฟิลเลอร์คาง ก็อย่าลืมเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล เพื่อให้ประสิทธิภาพของการฉีดออกมาเป็นอย่างที่คุณต้องการมากที่สุด และอย่าลืมนำเอา 10 ข้อควรรู้ที่เรานำมาฝากไปเป็นข้อพิจารณาในการฉีดกันด้วยนะคะ