เหงือก เมื่อเกิดอาการอักเสบ หลายคนก็มักจะมีอาการเจ็บ ปวด ทานอาหารลำบาก ซึ่งบางคนที่เกิดอาการ เหงือกอักเสบ และ เหงือกบวม แทบจะไม่รู้เลยว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากอะไร เพราะบางครั้งอยู่ดี ๆ ก็เกิดอาการอักเสบขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็มีหลายสาเหตุด้วยกัน เพราะฉะนั้นเมื่อเรารู้สาเหตุของการอักเสบเราก็จะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบได้ และเราก็จะสามารถรักษาได้ด้วยตนเอง หรือหากเกิดอาการอักเสบมาก ๆ ก็อาจจะต้องรักษาด้วยทันตแพทย์ แต่เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบจนสายเกินแก้เรามาทำความเข้าใจกับอาการอักเสบของเหงือกกันก่อนดีกว่า ว่าเกิดจากอะไร มีอาการและวิธีรักษาอย่างไรบ้าง
ปัญหาเหงือกบวม เหงือกอักเสบ
เหงือกอักเสบ หรือ เหงือกบวม ถือเป็นปัญหาในช่องปากที่หลายคนต้องพบเจอ และทุกคนก็ต่างรู้ดีว่าเป็นอาการที่เจ็บปวดมาก ๆ ซึ่งเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ แน่นอนเมื่อเกิดการอักเสบที่บริเวณเหงือก คุณจะไม่ได้เกิดอาการเจ็บปวดแค่ที่เหงือกเท่านั้น แต่คุณจะเกิดอาการเจ็บบริเวณอื่น ๆ ด้วย เช่น ปวดฟัน , ปวดหัว , เจ็บคอ หากเมื่อไหร่ที่มีอาการเหล่านี้ร่วมด้วยคุณจะ หน้าบวม ทันที เพราะเป็นผลที่เกิดจากการอักเสบนั่นเอง
เหงือก คืออะไร
เหงือก คือ อวัยวะส่วนหนึ่งในช่องปากที่หลายคนไม่ค่อยสนใจมากนัก ทั้งที่เหงือกก็มีความสำคัญอย่างมาก เพราะหน้าที่ของเหงือกก็คือ การยึดฟันให้ติดกับกระดูกขากรรไกร และช่วยในเรื่องของการบดเคี้ยวอาหารได้เป็นอย่างดี โดยลักษณะของเหงือกจะเป็นสีชมพูที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด หากเหงือกมีสีชมพูเป็นธรรมชาตินั่นหมายความเหงือกของคุณปกติ แต่หากเมื่อไหร่ที่เหงือกมีลักษณะบวม เลือดออก ที่บริเวณ ฟันกราม บ่อย ๆ นั่นอาจหมายถึงเหงือกของคุณกำลังเกิดอาการอักเสบได้
โรคปริทันต์ คืออะไร
โรคปริทันต์ หรือ รำมะนาด คือ การที่เหงือกติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นโรคที่ค่อนข้างจะมีความรุนแรงต่อสุขภาพเหงือกไม่น้อยเลยทีเดียว และหากเกิดอาการรุนแรงอาจจะส่งผลต่อการสูญเสียฟันได้ จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องได้รับการรักษาจากทันตแพทย์ทันที
สาเหตุของเหงือกบวม เหงือกอักเสบ
สาเหตุของ เหงือกอักเสบ เหงือกบวม เกิดจาก สาเหตุหลักๆ ดังต่อไป
- เกิดจากการดูแลช่องปากไม่ดี เช่น การแปรงฟันไม่สะอาด แปรงผิดวิธี หรือการละเลยสุขภาพช่องปาก จึงเกิดแบคทีเรียและมีการสะสมเป็นเวลานานจนเกิดการอักเสบของเหงือกในที่สุด
- การใส่อุปกรณ์จัดฟัน หรือการใช้ยาบางชนิดที่อาจส่งผลทำให้เกิดการอักเสบได้ง่าย ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดในช่องปาก หน้าบวม ปวดร้าวจากการอักเสบ
เหงือกอักเสบในผู้ที่สูบบุหรี่
เหงือกอักเสบ เหงือกบวม ในผู้ที่สูบบุหรี่ ก็มักจะเกิดขึ้นบ่อย ๆ เช่นกัน เพราะเป็นการสะสมของเชื้อแบคทีเรียในช่องปากเป็นเวลานาน รวมถึงการดูแลสุขภาพช่องปากไม่ดีพอ เมื่อเกิดการอักเสบก็จะส่งผลทำให้ หน้าบวม , เลือดออก , ปวดฟัน , ปวดหัว , เจ็บคอ รวมไปถึงการปวดที่บริเวณ ฟันกราม มากขึ้นอีกด้วย
เหงือกอักเสบที่เกิดจากการจัดฟัน
การใส่เหล็กจัดฟัน ก็สามารถก่อให้เกิดการอักเสบของเหงือกได้เช่นกัน โดยเศษอาหารจะเข้าไปติดตามลวดจัดฟัน ทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย เมื่อเกิดการสะสมเป็นเวลานานก็จะทำให้การอักเสบที่เหงือก โดย วิธีรักษาเหงือกบวม คือการทำความสะอาดช่องปากอย่างเหมาะสม และหมั่นทำความสะอาดช่องปากบ่อย ๆ จะช่วยรักษาและป้องกันการอักเสบของเหงือกได้
อาการเหงือกบวม เหงือกอักเสบ
สัญญาณที่เริ่มบ่งบอกว่า เหงือกอักเสบ หรือ เหงือกบวม ที่คุณควรพบทันตแพทย์ทันที เพราะหากปล่อยไว้นาน ๆ อาจทำให้เกิดอาการ หน้าบวม , เลือดออก , ปวดฟัน , ปวดหัว , เจ็บคอ หรือเจ็บที่บริเวณ ฟันกราม มีดังนี้
- อาการเหงือกบวมเป็นหนอง จะมีหนองอยู่ในถุงเหงือก เนื่องจากในช่องปากมีการติดเชื้อเกิดขึ้น โดยอาการอักเสบลักษณะนี้อาจจะต้องได้รับการรักษาจากทันตแพทย์ เพราะหากรักษาด้วยตนเองจะเจ็บมากขึ้น
- อาการเหงือกบวมแดงและเริ่มมีการอักเสบ เป็นอาการที่เกิดขึ้นโดยไม่มีอาการใด ๆ นอกจากเหงือกบวม สามารถรักษาได้ด้วยตนเองได้เลย แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงกว่าเดิม ต้องไปพบแพทย์ทันที
- อาการรากฟันอักเสบ มีตุ่มหนองที่เหงือก เนื่องมาจากเส้นเลือดในโพรงประสาทมีการอักเสบเกิดขึ้น ซึ่งจะมีอาการเจ็บมาก ทานอาหารลำบากขึ้น หากปล่อยไว้นาน ๆ จะทำให้เกิดการสูญเสียฟันได้ จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับการรักษาจากทันตแพทย์ทันที
วิธีรักษาเหงือกอักเสบ
สำหรับ วิธีรักษาเหงือกบวม เหงือกอักเสบ สามารถรักษาได้ทั้งด้วยตนเองและ ทันตแพทย์ ดังนี้
ขั้นตอนการรักษาเหงือกอักเสบ
การรักษาเหงือกอักเสบด้วยทันตแพทย์มีขั้นตอนการรักษาคือ
- รักษาด้วยยาปฏิชีวนะโดยการทานยาอย่างต่อเนื่อง อาจจะเป็นยากินหรือ ยาบ้วนปาก โดยแพทย์จะสั่งยาให้ตามความเหมาะสม
- ในกรณีเกิดการอักเสบรุนแรงแพทย์จะใช้วิธีการผ่าตัดและปลูกถ่ายเพื่อทดแทนเนื้อเยื่อที่หายไปให้กลับสู่สภาพเดิม
วิธีรักษาเหงือกอักเสบด้วยตัวเอง
การรักษาด้วยตนเองสามารถทำได้ดังนี้
- ใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
- ทำความสะอาดซอกฟัน ซอกเหงือก ด้วยไหมขัดฟันเป็นประจำ
วิธีดูแล ป้องกันไม่ให้เหงือกอักเสบ เหงือกบวม
เพื่อสุขภาพช่องปากและเหงือกที่แข็งแรง มีวิธีดูแลและป้องกันไม่ให้เหงือกอักเสบดังนี้
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ ทานแคลเซียม วิตามินซีสูง
- ตรวจสุขภาพช่องปากทุก ๆ 6 เดือน พร้อมทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์
- รักษาสุขภาพช่องปาก แปรงฟันให้สะอาดอยู่เสมอ
ขั้นตอนการแปรงฟันอย่างถูกวิธี
ขั้นตอนการแปรงฟันที่ถูกต้องเพื่อลดการอักเสบของเหงือกสามารถทำได้ดังนี้
- แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งหลังมื้ออาหาร และก่อนนอน
- แปรงฟันตามซอกฟันบริเวณเหงือกให้สะอาดอย่างมั่นใจ
ค่าใช้จ่าย รักษาเหงือกอักเสบ เหงือกบวม ราคาเท่าไหร่
สำหรับ วิธีรักษาเหงือกบวมโดยทันตแพทย์ ก็จะมีค่าใช้จ่ายดังนี้
- ในการรักษาเหงือกอักเสบหรือเหงือกบวมที่ครั้งละ ประมาณ 300-500 บาท
- หากจำเป็นต้องขูดหินปูนก็จะอยู่ที่ ประมาณ 1,500 บาท
- เกลารากฟัน ราคาอยู่ที่ 8,000 บาท
ซึ่งราคาในการรักษาแต่ละครั้งนั้นก็จะมีความแตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาในเรื่องใดบ้าง ทันตแพทย์ก็จะประเมินตามอาการที่พบ
รักษาโรคเหงือกอักเสบ ที่ไหนดี
วิธีรักษาเหงือกบวม ต้องรักษาด้วยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเหงือกโดยเฉพาะ สิ่งสำคัญสิ่งแรกที่คุณจะต้องคำนึงถึงนั่นก็คือการเลือกใช้บริการกับคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ มีทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้บริการและคำแนะนำอย่างถูกต้อง ซึ่งเราก็จะเห็นว่ามีหลายคลินิกให้บริการเยอะมาก
หากคุณกำลังมองหาคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ มีความปลอดภัยและมีการดูแลที่ดี แนะนำเป็น คลินิกทันตกรรมสีวลี คลินิกทันตกรรมที่เปิดให้บริการมาเป็นเวลานาน ด้วยทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์การให้บริการ ทั้งนี้ภายในคลินิกก็มีคุณภาพมาก ๆ มีทั้งความสะอาด มีการเลือกใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัยและไม่เสี่ยงเกิดอันตรายอย่างแน่นอน ที่สำคัญราคาเป็นกันเองมาก ๆ
สรุปเรื่องโรคเหงือก เหงือกอักเสบ เหงือกบวม
โรคเหงือกอักเสบเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ และเกิดขึ้นได้กับทุกคน เพราะฉะนั้นเมื่อเราได้รู้สาเหตุ การป้องกัน วิธีรักษาเหงือกบวม กันไปแล้ว เพื่อการมีสุขภาพช่องปากที่ดี คุณสามารถนำวิธีการดูแลต่าง ๆ ที่เราแนะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เลย เพื่อจะได้ไม่เสี่ยงต่อการเกิดการอักเสบของเหงือก เพราะหากมีการอักเสบเกิดขึ้นเมื่อไหร่ คุณจะต้องทนกับอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างทรมานและเป็นเวลานานพอสมควร โดยกว่าการอักเสบจะหายนั้นต้องใช้เวลาในการรักษา ซึ่งหากเกิดอาการเจ็บปวดย่อมส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันแน่นอน เพราะฉะนั้นเราป้องกันไม่ให้เกิดจะดีกว่า